ถ้า “ทิป” มีความหมายตามความเข้าใจของผู้คนทั่วโลกโดยมาก ว่าหมายถึง “เงินพิเศษ” ที่ให้แก่พนักงานนอกเหนือจากค่าสินค้าและบริการ
“เงินพิเศษ” นั่นหมายความว่า ผู้บริโภคมีสิทธิเลือก ว่าจะจ่าย หรือไม่จ่ายก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของสินค้าและบริการที่ได้รับ ใช่หรือไม่
แต่.. ที่ประเทศอเมริกา “ทิป” กลับไม่ใช่ ”ทางเลือก” ที่ผู้บริโภคมีสิทธิเลือก
ใครที่ได้เคยไปใช้ชีวิตที่อเมริกา คงจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่ว่าใครที่เพิ่งเคยไป อาจมีความสงสัยอยู่บ้างว่า ทำไมเราถึงโดน “บังคับ” ให้จ่ายทิป
ค่าอาหารแต่ละมื้อที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินของร้านอาหารที่อเมริกา “ทุกร้าน” จะถูกแจกแจงเช่นนี้เสมอ
- ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม เฉลี่ย 7-10% แล้วแต่รัฐ คิดเป็นเงินเท่าไหร่
- ค่าทิปที่สมควรจ่าย ถ้าประสงค์จะจ่าย 15% ของค่าอาหาร คิดเป็นเงินเท่าไหร่ ถ้าจะจ่าย 18% หรือ 20% คิดเป็นเงินเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็มีขั้นต่ำอยู่ที่ 15%
ฉันเคยโดนพนักงานเสิร์ฟเดินตามออกมาหน้าร้าน พร้อมตะโกนเสียงดังประหนึ่งว่าเราลืมจ่ายค่าอาหาร ด้วยคำพูดที่ว่า “กลับมาเดี๋ยวนี้ คุณจ่ายทิปไม่ครบ”!
ช่วงกลางปี 2009 ฉันเพิ่งไปเรียนที่อเมริกาใหม่ๆ ที่เมืองแอตแลนต้า มีอยู่วันนึงไปทานอาหารที่ร้านญี่ปุ่น ทานเสร็จก็เตรียมจ่ายเงิน ในใบเสร็จก็เขียนว่าราคาราเมนอยู่ที่ชามละ 10 เหรียญ บวกภาษีอีก 7% รวมแล้วก็เป็น 10.7 เหรียญ แล้วตรงช่องทิป เขาก็เว้นว่างเอาไว้ เหมือนกับว่าให้เราตัดสินใจเอง ว่าจะให้ทิปเท่าไหร่ ไอ้เราก็ด้วยความเป็นกะเหรี่ยงมาใหม่ ก็เลยไม่เขียนอะไร แล้วทิ้งเศษเหรียญไว้นิดหน่อย จำได้ว่าตอนเดินออกจากร้านวันนั้น โดนพนักงานในร้านมองด้วยหางตาแบบเหยียดหยามมาก ก็ยังคิดอยู่ว่า ฉันไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก จนผ่านไปสักพัก มีโอกาสไปเที่ยวที่เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก แล้วก็เช่นเคย เดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านดังที่ต้องต่อคิวกว่าสองชั่วโมง ตอนนั้นไปกันสี่คน ทานเสร็จ ใบเสร็จก็มาวางตรงหน้า ค่าอาหาร 80 เหรียญ บวกภาษีมูลค่าเพิ่มที่นิวยอร์ก 8.875% อีก 7.1 เหรียญ รวมเป็น 87.1 เหรียญ ส่วนช่องทิป เค้าก็คิดเลขมาให้ชัดเจนว่าถ้าให้ทิป 15% คิดเป็นเงิน 12 เหรียญ ถ้า 18% เท่ากับ 14.4 เหรียญ ถ้า 20% เท่ากับ 16 เหรียญ ยูเลือกจ่ายได้เลยไม่ต้องคำนวณเอง ไอ้เราก็คำนวณเป็นเงินไทยเลยว่า 16 เหรียญนี่มันเยอะมากนะ คิดเป็นเงินไทยตั้งเกือบ 600 บาท แค่ค่าทิปเอง จ่ายไม่ถึงก็ได้มั้ง จากนั้นเราก็เลยกำเหรียญทั้งหมดที่มีแล้ววางลงไป พร้อมแบงก์ห้าดอลล่าร์หนึ่งใบ คำนวณจากสายตาคร่าวๆก็น่าจะประมาณ 8 เหรียญ
แต่.. มันไม่จบแค่นั้นค่ะ เรื่องราวมันไม่ง่ายเหมือนตอนที่เราอยู่ในเมืองเล็กๆอีกต่อไป เพราะว่าพอเราทั้งสี่เดินออกจากร้าน พนักงานก็เดินตามพร้อมตะโกนเรียกว่า “ยูจ่ายทิปไม่ครบ กลับมาจ่ายด้วยนะ” บอกตรงๆว่าตอนนั้นเหวอมาก ก็พอเข้าใจว่าการจ่ายทิปในประเทศนี้เป็นเรื่องที่ควรทำ แต่ไม่คิดจริงๆ ว่าจะเป็นเรื่องที่ “ต้อง” ทำ จนโดนตามเรียกขนาดนี้ จำฝังใจเลยล่ะค่ะ
นอกจากเรื่องทิปแล้ว ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ราคาอาหาร สินค้าและบริการ “ไม่ได้รวม” ภาษีมูลค่าเพิ่มเอาไว้
เพราะอะไรน่ะเหรอ.. ก็เพราะว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีการปกครองแบบแยกรัฐ ซึ่งแต่ละรัฐทั้ง 50 รัฐ มีการปกครองตัวเองแยกกันออกไป นั่นรวมไปถึงความแตกต่างของจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บด้วย เฉลี่ยอยู่ที่ 7-10% แต่บางรัฐ เช่น โอเรกอนก็ Free tax (ได้รับการยกเว้นภาษี) นั่นทำให้ไม่สามารถกำหนดราคาสินค้าแบบรวมภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างชัดเจนได้
เอาเป็นว่าถ้าคุณผู้อ่านยังไม่เคยไปอเมริกา แล้วกำลังจะมีโอกาสได้ไป ก็อย่าลืมเรื่องนี้แล้วกันนะคะ ไม่อยากให้โดนแบบแพรวจริงๆ ^__^