OPINION

ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะไปเป็นกะหรี่บาห์เรน ตอนที่ 10

เอรี่ - ธนัดดา สว่างเดือน
12 ก.ค. 2560
2 อาทิตย์หลังจากต่อวีซ่าที่ศรีลังกา พวกเราก็กลับบาห์เรนไปสู่โลกโลกีย์สวรรค์ในนรกของคนอาชีพอย่างพวกเรา ขวัญก็โชคดีใช้หนี้หมดแท็กไปก่อนฉัน ในขณะที่ฉันเพิ่งใช้หนี้ไปได้แค่ครึ่งทาง ไม่กี่วันต่อมาขวัญก็ไซโยนาระ ลาจากฉันไปอยู่กับผู้ชายอาหรับชาวเลบานอนซึ่งมาทำงานในบาห์เรน วันนั้นขวัญเข้ามาร่ำลาฉัน

“พี่หนิง ถ้าหนูไม่อยู่ที่นี่แล้วพี่อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า?”
“ก็ต้องอยู่ได้แหละ แล้วขวัญจะไปอยู่ไหนเหรอ?”
“แฟนหนูมันอยากให้เลิกอาชีพนี้ มันบอกจะเลี้ยงหนูเอง”
“เฮ้ย...ดูให้ดีๆ แมงดาหรือเปล่า? แล้วมันจะมีเงินเลี้ยงเธอเหรอ?”
“ไม่ใช่แมงดานะพี่ มันเป็นวิศวกร มันบอกจะช่วยส่งเงินให้ทางบ้านหนูเดือนละหมื่นทุกเดือน”
“หาาาา แค่หมื่นบาทเนี่ยนะ?? เงินแค่นี้เธอหาคืนเดียวก็ได้แล้วนะขวัญ”
“แต่หนูรักมันอ่ะพี่ และมันก็สัญญาจะแต่งงานกับหนูด้วย”
“ตายๆๆๆ นี่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงสองเดือนเธอเชื่อที่มันพูดเหรอ?”

ตอนนั้นฉันพยายามชี้แจงให้ขวัญฟังว่าไอ้พวกอาหรับที่มาทำงานต่างแดน ได้เงินเดือนแค่ไม่กี่หมื่นบาท แค่มันซื้อบริการแค่ 3-4 ครั้ง เงินเดือนก็ไม่เหลือแล้ว แค่มันแค่ลงทุนบอกรักเธอแล้วพาไปอยู่ด้วย มันก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อบริการอีกต่อไป จ่ายแค่เดือนละหมื่นแล้วปี้เธอตลอด 30 วันเลยนะ (คิดสิอีขวัญ คิดๆๆๆๆ)

แต่ไม่ว่าฉันจะทักท้วงอย่างไรก็ยับยั้งขวัญไม่อยู่ เพราะใจเธอไปอยู่กับไอ้หนุ่มอาหรับตั้งแต่ยังไม่หมดแท็ก เวรกรรมแท้ๆ ฉันไม่รู้ว่าขวัญคิดอะไรอยู่ น่าเสียดายที่เธออุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลตั้งใจจะมาหาเงินส่งไปเลี้ยงพ่อแม่และลูกๆ อีก 2 คน ให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่พอมาเจอไอ้หนุ่มอาหรับไม่ถึงสองเดือนก็ล้มเลิกความตั้งใจเสียแล้ว

ทุกอย่างเป็นไปตามที่แม่แท็กบอกไว้จริงๆ ว่าผู้หญิงเกือบทุกรายที่มาบาห์เรนได้ไม่ทันไรก็เริ่มติดแมงดากันแล้ว และทำให้ไม่อยากทำงาน ลืมความฝัน ลืมเป้าหมายที่ตั้งไว้ (ปัจจุบันนี้ผ่านมาแล้ว 7-8 ปี ฉันรู้มาว่าขวัญยังคงยึดอาชีพขายบริการและเดินทางเข้าออกบาห์เรนอยู่เรื่อยๆ)

หลังจากที่ขวัญออกเรือนไปอยู่กับแฟนอาหรับ ฉันยังคงใช้ชีวิตตามปกติ คืออยู่ร่วมห้องกับสาวไทยอีก 2 คน คือ นุ่นกับปลา เพื่อนใหม่ที่เพิ่งเดินทางมาอยู่ด้วยประมาณ 1 อาทิตย์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้กันและมาบาห์เรนโดยไม่ขึ้นกับสังกัดใคร ว่าง่ายๆ คือพวกเจนโลก เดินสายขายตัวไปทั่ว ครั้งนี้พวกเธอลงทุนมาหากินที่บาห์เรนเป็นครั้งแรก เพราะจากปากต่อปากบอกกับเธอว่า ที่บาห์เรนงานดี เงินดี แขกดี

ฉันยังคงออกไปล่าเหยื่อที่เอฟวันทุกคืนและเมาเละเทะเหมือนเดิม ได้แขกบ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ถ้าเอฟวันเลิกตี 2 แล้วยังไม่ได้แขก แม่แท็กก็จะส่งฉันไปล่าเหยื่อต่อที่ เดอะปาค์ อยู่ในย่านจุ๊บแฟร์ ที่นั่นเป็นราตรีสุดท้ายของบรรดากะหรี่ทุกชาติและพวกแมงดาอีกเพียบจะมารวมตัวมั่วสุมกันจนถึง 6 โมงเช้า

เดอะปาค์เป็นไนท์คลับขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างหรูหราของนักท่องราตรีหลายชาติ บรรยากาศจะแตกต่างจากเอฟวันตรงที่ไม่มีดนตรีสด มีแต่เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ กับเคาน์เตอร์บาร์เหล้าขนาดใหญ่ ที่มีบาร์เทนเดอร์ยืนเขย่าเหล้าโชว์ลีลาร่วมกันเป็น 10 คน ราคาค่าดื่มก็แพงเอาเรื่อง อย่างถูกๆ ก็เบียร์แก้วละ 5 บีดี ในขณะที่เอฟวันแค่ 3 บีดี

การมาจับแขกที่ปาค์ถือเป็นการลงทุนสูงอยู่นะ คือต้องเสียค่าดื่ม ค่าแท็กซี่เที่ยวละไม่ต่ำกว่า 7-8 บีดี และถ้าที่นี่ไม่ได้แขกอีกก็เท่ากับฉันต้องเสียเงินไปฟรีๆ ประมาณ 2 พันบาท คู่แข่งที่นี่ก็น่ากลัวมาก มีแต่สวยๆ และไซส์บิ๊กๆ ทั้งนั้น เช่นรัสเซีย ไนจีเรีย อุซเบกีสถาน พวกแขกขาวคล้ายลูกครึ่งฝรั่งผสมอาหรับ แต่หลักๆ ก็มีสาวไทยและผีจีนเยอะที่สุด

ทุกครั้งที่ฉันไปที่นั่นก็แทบจะไม่เคยได้แขก บอกตรงๆ ว่าสู้กะหรี่รุ่นลูกไม่ไหวจริงๆ โดยเฉพาะเด็กสาวหน้าใหม่ๆ แห่ขึ้นมากันเพียบ พวกแม่แท็กหน้าใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นทุกวัน ก็คือพวกกะหรี่เก่านั่นแหละ พอหมดแท็กแล้ว รู้งานแล้ว รู้ช่องทางหากินแล้ว ก็ผันตัวเองมาเป็นแม่แท็ก แต่ละคนวางมาทเหลือแดก มีแมงดาคอยเดินคุมแจตลอด และส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่นานก็เจ๊ง คือเด็กหนีแท็กเพราะคุมไม่อยู่
สำหรับฉันจะประจำอยู่ที่โต๊ะพลูแทบทุกครั้ง เพราะรู้ชะตาว่าไม่ค่อยได้แขก ก็เลยหาเล่นพนันไปทั่ว ได้เงินติดมือบ้าง 10-20 บีดี ไว้เป็นค่ารถ ค่าข้าวบ้าง ยิ่งถ้าวันไหนได้ไปกับแขกที่สนิทสนมด้วย ฉันจะอาสารับจ้างทำความสะอาดห้องให้อีกต่างหาก ก็ดีนะได้ค่าจ้างเท่ากับค่าตัวเลย จะทำอย่างไรได้ในเมื่อบาห์เรนมันหาแดกยากขึ้นทุกวัน ก็ต้องหารายได้เสริมด้วยวิธีนี้แหละ

ช่วงบ่ายแก่ๆ ในห้องพักโรงแรมซีเชล ขณะที่ฉันกับนังนุ่น นังปลา กำลังลงมือทำสุกี้หม้อไฟกินกัน พร้อมกับคุยนู่นนี่นั่นไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับที่พวกเราเคยหอบหอยไปผจญภัยมาหลายประเทศ

ปลา “กูนึกถึงตอนไปทำงานที่ฮ่องกงก็สนุกดีนะ ที่นั่นกับที่นี่แม่งต่างกันเลยว่ะ”
นุ่น “ใช่...ที่นั่นวันหนึ่งรับ 30-40 รอบ แต่ที่นี่กว่าจะได้แต่ละรอบแม่งโคตรหินอ่ะ”
ฉัน “เอ้า...นี่พวกมึงก็เคยไปฮ่องกงกันมาด้วยเหรอ?”
นุ่น “โอ้ย...รอบเอเชียกูไปตะลุยกันมาหมดแล้ว ก็อีดอกนี่ซิ พากูมาที่นี่…ไหนล่ะแขกเยอะของมึง?”
ปลา “เอ้า ก็แขกอาหรับไง ทำไมอ่ะ กูพูดอะไรผิดเหรอ!?”
นุ่น “กูหมายถึงแขกฝรั่ง อีดอกหลอกกูมาจนได้ ดีนะที่กูไม่มาใช้แท็ก ไม่งั้นได้ใช้หนี้ Heeบานแน่”
ปลา “ก็เมื่อ2 ปีก่อนมันไม่เป็นแบบนี้นี่หว่า ถ้ากูรู้ว่าหาแดกยากขนาดนี้กูก็ไม่มาหรอกนะ”

ทั้งสองมักจะมีเรื่องขำๆ มาคุยให้ฉันฟังเสมอ เพราะผ่านการเดินสายขายตัวมาหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านพวกมันไปกวาดมากันเรียบ หรือที่ไหนว่างานดี เงินดีก็จะชักชวนกันไปลอง กระทั่งพากันมาบาห์เรน...คือทำตัวเหมือนเป็นนักธุรกิจเดินทางรอบโลก แต่ที่ไหนได้ เดินสายขาย Hee ค่ะ!!555 
 
About the Author
ยากูซ่า ค้าบริการ ติดคุก เฉียดตาย...ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เธอคนนี้เผชิญมาแล้ว วันนี้เธอคือนักเขียนมือรางวัล โดยปี 2554 “ฉันคือเอรี่ กับประสบการณ์ข้ามแดน” คืองานเขียนเล่มแรกที่ได้รับรางวัลชมนาด โดยเป็นการตีแผ่เส้นทางชีวิต หลากประสบการณ์ค้าบริการทั้งโหด เลว ดี ครบรส ล่าสุดปี 2559 เธอก็คว้ารางวัลชมนาดมาอีกครั้งในผลงานที่ชื่อ “ขังหญิง” ตีแผ่ชีวิตคนคุกที่หาอ่านไม่ได้จากที่ไหน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รู้ไหมว่ามึงทำให้ชีวิตกูพังชิบหายย่ำแย่ถึงเพียงนี้!! ทำไมกูต้องมาทนอดๆ อยากๆ เพื่ออะไร? แล้วกูจะโง่รออะไรอยู่ล่ะ กลับไปขายหอยเหมือนเดิมดีกว่า เผื่อชีวิตจะกลับมาดีอีกครั้ง
 
คงไม่มีลูกค้าคนไหนต้องการใช้บริการกับผู้หญิงเมาหมดสภาพ มีก็แต่พวกกากเดนมนุษย์ พวกยากูซ่าและพวกโรคจิตที่คอยจ้องแต่จะลากผู้หญิงสภาพเมายาไปสนองความใคร่แบบฟรีๆ