
ภาพยนตร์ทริลเลอร์แฟนตาซีเรื่องแรกของ GDH ที่ดัดแปลงเรื่องราวมาจากวรรณกรรมญี่ปุ่น
วิธีการเล่าเรื่อง เปิดซีนแรกมาก็ทำได้น่าสนใจ CG มีให้เห็นตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง มีผู้ชายลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม ได้บอกกับมินว่า "ได้รางวัลนะ" ซึ่งรางวัลนั่นคือการที่วิญญาณเร่ร่อนได้อยู่ในร่างของเด็กชายที่ชื่อว่า มิน แต่ภายใน 100 วัน ต้องหาคำตอบให้ได้ว่า มินตายเพราะใคร? เนื้อเรื่องจึงได้ดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทั้งบรรยากาศและเพลงประกอบก็ทำให้น่าติดตาม น่าค้นหาว่า ใครเป็นคนที่ทำให้มินตาย ให้ความรู้สึกเหมือนดูเลือดข้นคนจาง มีจุดเปลี่ยน จุดพีค และไต่ระดับอย่างสมดุล ชวนให้ลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ โดยนักแสดงอย่าง เจมส์ ธีรดนย์ ที่เป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่อง สามารถคุมเรื่องได้ทั้งหมด การแสดงทำออกมาได้ดีในทุกๆซีน ทำให้นึกถึงซีรีส์เรื่อง SOS ที่เจมส์เคยแสดง

เฌอปราง อารีย์กุล เรื่องแรกถือว่าทำได้ดีระดับหนึ่ง มีความน่ารักเป็นธรรมชาติ ถึงแม้ฉากซีนอารมณ์แอบมีพูดไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่บ้าง แต่ถือว่ามองข้ามได้ เบสท์ ณัฐสิทธิ์ รับบทเป็นพี่ชายของมิน ถึงจะไม่มีบทบาทมากนัก แต่เบสท์แสดงบทบาทความเป็นพี่ชายที่ทั้งโกรธและเกลียดน้องได้สมจริง ขวัญ สู่ขวัญ เล่นดีมากๆ รู้สึกเชื่อจริงๆว่าเป็นแม่ สื่ออารมณ์ความรู้สึกผู้เป็นแม่ออกมาทางสีหน้าและแววตาได้ดีมาก ฉากดราม่า สู่ขวัญสามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้เลย ภาพรวมนักแสดงทุกคนเล่นได้ดี และจะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือเรื่องของความแปลกใหม่ของภาพยนตร์ไทยอย่างค่าย GDH ที่ไม่เคยทำภาพยนตร์ทริลเลอร์แฟนตาซีมาก่อน แต่กลับทำออกมาได้ดี ทั้ง CG ที่ดูเนียนและสมจริง มีลูกเล่นในการนำเสนอผ่านเนื้อเรื่องได้น่าสนใจ

Homestay เป็นภาพยนตร์ไทยที่บทเรื่องค่อนข้างแหวกแนว มีทั้งความรัก ดราม่า ครอบครัว ระทึกขวัญ และสร้างแรงบันดาลใจ ให้ข้อคิดในหลายๆด้าน สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของคนที่ชอบคิดว่าชีวิตตัวเองแย่ ไม่มีความสุขกับตัวเอง รู้สึกไม่มีใครรัก ไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ แต่จริงๆแล้วในความโชคร้ายของชีวิตก็มีเรื่องราวดีๆซ่อนอยู่มากมาย ถ้าไม่มองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป การชอบใครสักคนก็สามารถทำให้คนเรามีพลังลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้ การมีเพื่อนดีๆสักคนนั้นเป็นเรื่องโชคดีเรื่องหนึ่งของชีวิต และการเกิดมาใช้ชีวิตถือเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดแล้ว