• ถ้ารู้ว่าจะเกิดอะไร
ทุกอย่างคงเป็นไปตามแผน
ทุกเรื่องคงเป็นสิ่งที่เรากำหนดหรือกะเกณฑ์ได้
แต่เพราะเราไม่รู้
และไม่มีใครรู้
สิ่งที่เราตัดสินใจทำในขณะนั้น
มันอาจจะดีที่สุดเท่าที่องค์ประกอบต่างๆ มันทำให้ต้องเป็นแล้ว
• ถ้าพรุ่งนี้มีจริง
เราก็ควรจะทำอะไรตั้งแต่วันนี้
ดีกว่าถึงพรุ่งนี้แล้วเราไม่มีอะไรอยู่เลย
การไม่คิดถึงวันข้างหน้า คิดแค่ว่าวันนี้
พอมีวันพรุ่งนี้ขึ้นมาจริงๆ
และไม่ได้เตรียมการหรือวางแผนรับมือไว้
มันก็อาจจะเกิดอะไรที่เราคาดไม่ถึงก็ได้
• ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
เราก็คงออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆ
รู้อีกทีก็สายเกินไปแล้ว
อย่าเป็นแบบนั้น
อย่าปล่อยให้มันผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง
ลองเริ่มจากอะไรที่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ
หรือหาความพิเศษในตัวเองให้เจอ
• ถ้าไม่เปลี่ยนตัวเอง
ชีวิตก็คงมีอะไรในแบบเดิม
เราอาจจะคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ดีอยู่แล้ว
ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร
แต่ถึงมันจะดีแล้วในความรู้สึก
เราก็เปลี่ยนตัวเองได้
อย่างน้อยแค่ได้เปลี่ยนก็เท่ากับเราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ
เจอกับสิ่งใหม่ๆที่อาจจะดีกว่าเดิม
• ถ้าคนๆนั้นคือเรา
เวลาจะทำอะไรกับใคร
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการแสดงออกต่างๆ
ลองคิดว่าถ้าคนๆนั้นเป็นเรา
เราจะชอบหรือรู้สึกดีไหม ที่มีคนมาทำแบบนี้
ถ้าคำตอบคือไม่
อย่างน้อยเราจะได้ทบทวนและคิดให้มากขึ้น
ว่าเรายังควรจะทำมันอยู่หรือเปล่า
• ถ้าตัวเองคือศูนย์กลางของจักรวาล
เราคงทำอะไรได้ตามแต่ความต้องการ
แต่ความจริงไม่ใช่
ยังมีคนอื่นๆที่เราควรจะนึกถึงด้วย
จริงอยู่บางเรื่องเราอาจไม่เดือดร้อนอะไร
แต่อาจมีคนอื่นต้องเดือดร้อน
จะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันไป
สิ่งที่เราไม่โดนผลกระทบ
ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกับเรา
• ถ้ามัวแต่เสียดายสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
มันก็คงวนเวียนไม่ได้ไปไหน
เหมือนเดินทางเป็นวงกลม แต่ไม่ได้ไปข้างหน้า
เสียดายได้ แต่อย่าให้นาน
เสียใจ ก็อย่าให้มันอยู่กับเราจนไม่ไปไหน
อะไรผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป
รอสิ่งใหม่ที่กำลังจะเข้ามาหรือเกิดขึ้นน่าจะดีกว่า