เวลาไปเยี่ยมบ้าน แค่ก้าวแรกก็ตัดสินกันได้แล้วครับ แค่เห็นบิลค่าน้ำค่าไฟ กุญแจบ้าน โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ รีโมทโทรทัศน์ วางปะปนกับสิ่งของต่างๆ หรือพื้นบ้านมีเสื้อผ้า กระเป๋า หนังสือวางไว้จนทั่วบ้าน
ในกลุ่มนี้เจ้าของบ้านชอบคิดว่าตัวเองไม่ได้บ้าช็อปปิ้ง ไม่ชอบสะสมของก็ถือว่าดีแล้ว แต่มีพฤติกรรมชอบวางข้าวของตามใจตัวเองหรือเลือกวางตามความสะดวก
“คนเราทุกคนต้องเคยมีช่วงเวลาที่บ้านไม่เป็นระเบียบบ้าง”
“จัดบ้านทำไม เดี๋ยวก็กลับมารกอีก”
“ทำงานยุ่งๆ อยู่ตลอดเวลาไม่มีเวลาจัดหรอก”
“บ้านโล่งเป็นระเบียบ เป็นเรื่องของพวกเคร่งครัดวินัยสูง ไม่ยืดหยุ่น”
ผมมักได้ยินคำพูดในทำนองนี้อยู่บ่อยๆ เป็นค่านิยมที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันเป็นส่วนมาก
คนกลุ่มนี้มีโลกทัศน์ว่า การวางข้าวของไม่เป็นระเบียบ คือบ้านที่มีชีวิตและเต็มไปด้วยสีสัน เปรียบเหมือนป่าที่มีต้นไม้อยู่มากมายไม่ต้องจัดเรียงให้สวยเหมือนสวนสาธารณะ
ส่วนบ้านเป็นระเบียบ คือค่ายทหารหรือโลกของหุ่นยนต์
คนกลุ่มนี้ เป็นคนชอบคิด นักฝัน รักอิสระ ชอบผจญภัย รักการท่องเที่ยวและการเดินทาง ไม่ชอบอยู่เป็นหลักแหล่งหรือที่เดิมๆ ไม่ชอบทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนภายใต้กฎระเบียบเข้มงวดเพราะทำให้พวกเขาหดหู่ ไม่ค่อยมีความสุข
พวกเขามองว่าการคอยรับคำสั่งจากหัวหน้าเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดอยากหนีออกไปให้ไกล แต่บางรายเป็นคนขาดสมาธิ มีความสับสน ลังเล คิดไม่ตก ทำงานไม่ตรงตามเป้าหมายที่คาดหวังเอาไว้ หดหู่ผิดหวังอยู่บ่อยๆ หรือไม่ค่อยมีความเชื่อมั่น ไม่มุ่งมั่น ตั้งใจและขาดการเคารพในตัวเอง
ด้วยภาวะอารมณ์ ความเชื่อ และโลกทัศน์แบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงได้ละเลย “บ้าน” ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญในชีวิต
ในเมืองไทย ผมเชื่อว่าคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีมาก พฤติกรรมที่เห็นชัดคือ มีความกังวลมากเกินกว่าปกติ ปล่อยวางไม่เป็น พอเริ่มต้นทิ้งหรือบริจาคของก็เต็มไปด้วยความเสียดาย ทนอยู่ในบ้านรกได้โดยมองว่านี่คือชีวิตที่มีความสุขของพวกเขา
บางรายมีอาการหลงๆ ลืมๆ จำไม่ได้ว่าเคยซื้อของอะไรไว้บ้างและมีปริมาณมากน้อยเท่าไร ชอบมีสิ่งของที่คนอื่นเห็นว่าไร้ประโยชน์แล้ว เช่น ถุงพลาสติก ขวดน้ำใช้แล้วจนล้นบ้าน ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านอึดอัด แต่คนกลุ่มนี้คิดว่าตัวเองยังมีของเหล่านั้นไม่พอ ต้องไปหามาเติมหรือเพิ่มอยู่เรื่อยๆ จนทำให้บ้านรกสกปรกทำความสะอาดได้ยาก ในกรณีมีอาการรุนแรงมากมีอาการป่วยทางจิตเวชร่วมด้วย เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือโรคเก็บสะสมของ (Hoarding disorder)
เคยมีผู้รับคำปรึกษาคนหนึ่งส่งเรื่องเข้ามาปรึกษา
คุณ ผ. เป็นนักศึกษาสาว อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ ซึ่งมีคุณป้าเป็นคนมีหน้าที่รับผิดชอบหลักในการซื้อของกินของใช้ในบ้าน ทุกครั้งที่คุณป้าซื้อของเข้าบ้าน เช่น กระดาษชำระ ผงซักฟอก เครื่องปรุงอาหาร ก็นำมากองเอาไว้ในบ้าน ไม่ได้หาที่เก็บเป็นสัดส่วนและทุกครั้งซื้อเป็นจำนวนมากๆ มาตุนเอาไว้ พอต้องหยิบหามองหายาก หาไม่เจอ ก็ใช้วิธีการออกไปซื้อของใหม่เข้ามาแทนและวางกองเอาไว้ พอนานๆ เข้าก็เริ่มกลายเป็นกองภูเขาสูงท่วมหัว
ส่วนรองเท้า กระเป๋าและอุปกรณ์ต่างๆ ถูกวางกองโยนเอาไว้ตามความสะดวก ทำให้เกิดกองภูเขาเล็กๆ ในบ้าน
คุณ ผ. เป็นคนเดียวในครอบครัวที่ทนเห็นสภาพแบบนี้ไม่ไหว เธอคอยจัดบ้านให้เรียบร้อยเท่าที่ทำได้ แต่พอผ่านไปไม่กี่วัน บ้านก็กลับมารกอีก
ความทุกข์ใจของเธอคือ การเห็นทุกคนในบ้านไม่ให้ความร่วมมือ และเธอต้องทนอยู่ในสภาพบ้านแบบนี้ กลัวคนอื่นมาเห็น และอายหากต้องพาเพื่อนหรือแฟนมาเที่ยวบ้าน
ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายบ้านต้องจมอยู่กับกองสิ่งของพร้อมกองทุกข์แบบครอบครัวนี้
ในบ้านที่มีคนชอบเก็บสะสมของจนรก คิดว่าตัวเองไม่ใช่ปัญหา กลับทำให้ลูกหลาน หรือคนปรารถนาอาศัยอยู่ในบ้านสวยงามเรียบร้อย กลับต้องใช้ชีวิตในกองสิ่งของเหมือนสุสาน
ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีพฤติกรรมชอบมีของมากเกินความจำเป็น หรือวางของไม่เป็นที่เป็นทาง หรือทั้งสองแบบผสมกัน ต้องยอมรับได้แล้วครับว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ในสภาวะ “บ้านรก” แล้ว