การเยียวยาบาดแผลแรกๆก็ไม่ชินกันเท่าไหร่ แต่พอเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรู้สึกเจ็บกลับค่อยๆหาย ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก แต่จะรู้สึกเจ็บอีกที ตอนที่เจ็บมากกว่าที่เคยเจ็บ เพราะเจ็บเท่าเดิมคือไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ความเป็นผู้ใหญ่มันเลยลำบากหน่อยๆ เมื่อก่อนอาจจะบอกได้ว่า กว่าจะโตได้แต่ละปีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่วันนี้คงต้องบอกว่า กว่าจะผ่านได้แต่ละวัน มันยากนะ ทั้งภาระที่ต้องแบกรับ หน้าที่ที่ต้องทำ สิ่งไม่คาดฝันที่ต้องเจอ หรือแม้แต่สิ่งที่สมองมันคิดไปเองแบบหยุดไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดจากประสบการณ์เก่า หรือของใหม่ๆ จะอะไรก็ตาม ประดังประเดเต็มหัว
กลายเป็นว่ายุคที่คนหันมาเฮลท์ตี้แบบสุดๆ กลับเป็นยุคที่จิตใจหม่นมองกันสุดๆเช่นกัน
เราให้ความสำคัญกับท้องไส้ ร่างกาย เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ สารพัดอย่างที่จะต้องออแกนิค ไร้สารเคมี แต่ลืมคิดไปว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ไร้สารเคมี แต่กลับมีสิ่งปนเปื้อนมากที่สุด นั่นคือ จิตใจ ทั้งบอบช้ำ บอบบาง แตกหักง่าย กระทบอะไรหน่อยก็เป็นรอยกลับมา
จิตใจเลยเป็นเรื่องที่เรามองข้าม และยับยั้งเอาไว้ก็ไม่อยู่ พูดทั้งสองฐานะ ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ที่ผลัดกันโยนความเจ็บปวดแบบที่ไม่มีใครอยากแบกเอาไว้ แต่หารู้ไม่ไอ้ตอนที่โยนกันไปมา ความเจ็บปวดมันกลับเลอะติดมือ ล้างเท่าไหร่ก็ไม่หลุด หยุดเท่าไหร่ก็ไม่ไหว ต่อให้ใบหน้ายิ้มแย้ม อัพสเตตัสแฮปปี้เท่าไหร่ อะไรที่ซ่อนไว้ก็อาจจะมากกว่าที่เราคิดก็ได้เลย
ความเจ็บปวดเลยกลายเป็นเรื่องธรรมดา เกิดมาและไม่ดับไป
คิดกันง่ายๆแค่ตื่นเช้าดูโทรศัพท์ ไปเจออะไรกระทบใจเข้าหน่อย ใจก็ไหวไปไกล ออกจากบ้าน ถึงที่ทำงาน เดินทางกลับบ้าน ต่อให้ชีวิตภายนอกวนลูปแค่ไหน ในใจก็ไม่แพ้กัน วนไปวนมาเหมือนเป็ดในอ่างน้ำ เจ็บอย่างไรก็ไม่หาย ที่จะหายได้ก็ต้องเจ็บมากกว่าเดิม แล้วไปกลบไอ้ที่มันเจ็บน้อยๆ จนไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องนั้นแล้ว
แต่ก็จริงอยู่ที่ว่า ถ้าใจเราไม่ไปหมกมุ่น ไม่ไปรู้สึก และหัดปลง ต่อให้ใจบางแค่ไหน ความรู้สึกก็คงเบาได้ถ้าไม่ยึดติด แต่เรื่องนี้มันคือเรื่องของจิตใจน่ะสิ สำหรับบางคนทำได้ แต่สำหรับบางคนประโยคแบบนี้ มันเป็นแค่คำปลอบใจ แล้วทีนี้อะไรที่จะทำให้เรารอดพ้นจากความเจ็บปวดนี้ได้ล่ะ..

1.จบตรงนั้นทันที
อย่าไปต่อกลอนกับความเจ็บปวด ยิ่งยืดเยื้อ ยิ่งยาวนาน เรื่องแบบนี้เกิดง่ายแต่หายยาก ต่อให้จบตรงนั้นแต่วันหนึ่งเรื่องนั้นก็จะเลี้ยวเข้าสมองเราอีก แต่เชื่อเถอะ ไม่เท่าทีแรกที่เฮิร์ตหนักๆ มันเข้ามาแค่เป็นหนึ่งในความทรงจำ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ใส่ใจและจบสิ่งนั้นไปแล้ว วิธีนี้ช่วยได้ดี
2.ไม่เอาชนะ
เรื่องบางเรื่อง ไม่ต้องไปลงแข่ง เราอยากเอาชนะมันก็แค่ในใจเรา ไม่มีคู่แข่งในสนามจริงอะไรหรอก มีแต่ใจเราที่ไปแข่งกับความรู้สึกตัวเอง ยิ่งแข่งยิ่งแพ้ เป็นเรื่องจริงมาก แต่ถ้าไม่แข่ง แล้วปล่อยๆให้มันผ่านไป ไม่มีแพ้ให้เห็นแน่ๆ
3.ปล่อยให้เป็นตามเวรตามกรรม
ฟังดูอาจเป็นอาการปลงขั้นสุด แต่เรื่องนี้ก็นับว่าช่วยจิตใจเราได้ดี ไม่ว่าจะแง่ของพระพุทธศาสนาหรือความเชื่อใดก็ตาม การกระทำสิ่งใดลงไป ผลลัพธ์นั้นจะเกิดขึ้นไม่ต่างจากตอนที่เราเจตนา เพราะฉะนั้นหากมีเรื่องราวแย่ๆมากระทบใจ ปล่อยให้มันไหลไปเหมือนน้ำ แล้วมันจะหยุดตรงที่มันเกิดนั่นแหละ ที่เหลือคือใจเบาๆที่เอาไว้คิดแต่เรื่องดีๆ
4.เลือกโฟกัสในสิ่งที่ควรเสียเวลาด้วย
เรื่องดี เรื่องแย่ มันไม่นัดกันหรอกว่ามันจะมากันตอนไหน เผลอๆก็มาพร้อมกัน สิ่งที่ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากสมองได้ นั่นคือ การเลือกโฟกัส ให้ใช้จิตพิจารณาว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร สิ่งไหนไม่ใช่ให้หันหน้าหนี แล้วเลือกโฟกัสในสิ่งที่คุ้มค่าต่อการเสียเวลาด้วย เพราะหนึ่งวันหมดไปเร็วเหลือเกิน หากพื้นที่สมองยังคงต้องคิดอะไรซ้ำๆ หมกมุ่นกับเรื่องแย่ๆ จงดีลีทซะ
5.ดูคลิปหมาแมว
ใครจะรู้ว่าสิ่งนี้ช่วยเยียวยาเราได้ การดูคลิปหมาแมวในแต่ละวัน ทำให้จิตใจเราอ่อนโยนขึ้นนะ ลองสังเกตดูเราจะเผลอยิ้มทั้งๆที่ในใจเราขุ่น เราจะเผลอหัวเราะในขณะที่แบกอะไรไว้หนักอึ้ง หมาแมวช่วยได้ ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดู
6.ขอบคุณความเจ็บปวด มันมีบทเรียนดีๆในนั้นเสมอ
ภายใต้เรื่องแย่ๆ มักซ่อนบทเรียนดีๆไว้เเสมอ อันนี้เรื่องจริงมาก เพราะระหว่างเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่อให้เราตายด้านกับความเจ็บนั้นแค่ไหน แสดงว่าจิตใจมันคงแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น แล้วยังเรียนรู้วิธีการต่างๆที่จะผ่านเรื่องนั้นไปให้ได้ เรื่องแบบนี้โรงเรียนไม่มีสอน ใครแนะนำก็ไม่เท่ากับเจอเอง จงขอบคุณเรื่องราวนั้นซะ ที่ทำให้เราเติบโตขึ้น และรู้จักใช้ชีวิตอย่างระวัง
7.ใช้ความเจ็บปวดช่วยเหลือผู้อื่น
การเข้าอกเข้าใจกัน เป็นกำลังใจได้ดีที่สุด ยิ่งผ่านเรื่องเดียวกันมาแล้ว การเดินหน้าต่ออาจจะง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเธอไม่ใช่คนเดียวบนโลกที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ เราผ่านมาได้ เดี๋ยวเธอก็ผ่านไปได้ เปลี่ยนพลังลบเป็นพลังบวก แล้วเอาไปช่วยเหลือผู้คน วิธีนี้จะตีกลับเข้าหาตัวเราเป็นพลังดีๆได้เลย
8.อยู่กับปัจจุบัน
เราทุกข์ เราเจ็บ เพราะเราอยู่กับอดีตที่จมปลัก อยู่กับอนาคตที่คาดหวัง ปัจจุบันไม่มีใครอยู่เลย ทั้งๆที่เป็นพื้นที่ที่เข้าใจตัวเราในวันนี้มากที่สุด สุขใจมากที่สุด จงเรียกตัวเองกลับมาด้วยสติ ลดสิ่งสิ้นเปลืองในสมอง ทำและคิดในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำอะไรได้ก็ดีใจกับมัน ให้ความรู้สึกเกิดขึ้นวันต่อวัน แค่นี้ก็สุขใจในทุกวันได้แล้ว
9.คิดดี ทำดี พูดดี
เรื่องพื้นฐานที่พูดง่าย แต่ทำยาก จงลดละเลิกเรื่องติฉินนินทา ตั้งใจทำแต่เรื่องที่ดีและมีประโยชน์ พูดจาเพราะๆในความหมายดีๆ ทำได้ทั้งหมดนี้เมื่อไหร่ จักรวาลแห่งความสุขจะเปิดต้อนรับเรา และดึงดูดแต่สิ่งดีๆเข้ามา ไม่เชื่อก็ลองคิดในเรื่องลบๆ แน่นอนว่าความสุข ไม่มาให้เห็นหน้าแน่นอน
10.มองถึงสิ่งดีๆคนดีๆในชีวิต
หัดขอบคุณเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต คนดีๆที่เข้ามา ตัวเรานั้นโชคดีมากแค่ไหน บางคนไขว้คว้ากันแทบตายในสิ่งที่เรามี เมื่อเราได้รับแล้วจงเห็นคุณค่า และรักษามันไว้ให้ดี โฟกัสในสิ่งที่ดีในชีวิตได้มากเท่าไหร่ สมองและจิตใจจะเหนื่อยขึ้นทันทีที่เรื่องแย่ๆผ่านเข้าหัว แล้วเราจะไม่ไปสนใจมันอีกเลย
ความเจ็บปวด ตั้งอยู่เสมอ และไม่มีวันดับไป แต่จิตใจที่รู้จักปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นในสิ่งที่เข้ามาได้ พร้อมทั้งสติที่อยู่กับจิตใจ เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เรารู้เท่าทันความเจ็บปวด และเอาตัวรอดไปได้เร็ว มองมันเป็นเรื่องธรรมดา หรือไม่ธรรมดา อยู่กับสิ่งที่เคยเจอ และความแข็งแรงของใจ มองธรรมดาไปก็ไม่ทุกข์ร้อน ตื่นตระหนกไปก็ทุกข์มาก ทำให้มันพอดี ทั้งดีใจ เสียใจ และเจ็บปวด ทุกอย่างพอดี ไม่มากไปน้อยไป เอาแค่เรารับรู้ได้และเลือกโฟกัสได้ ความเจ็บปวดก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ที่สวยงามในชีวิตเราเอง
Photo by Charry Jin from Pexels
Photo by Elle Hughes from Pexels